2.9.53

แบบทดสอบเกี่ยวกับ Keyboard

แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่องความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์


คำชี้แจง ให้นักเรียนคลิกเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

1. คอมพิวเตอร์มีบทบาทกับการศึกษาอย่างไร

ก. นำมาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอน เช่น ทำสื่อต่างๆ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นต้น

ข. ใช้ในงานบริหารของโรงเรียน เช่น การจัดทำประวัตินักเรียน ประวัติครูอาจารย์ เป็นต้น

ค. ใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ เช่นการค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต

ง. ถูกทุกข้อ



2. หน่วยใดมีลักษณะการทำงานคล้ายกับสมองของมนุษย์

ก. หน่วยประมวลผล

ข. หน่วยรับข้อมูล

ค. หน่วยความจำ

ง. หน่วยแสดงผล



3. คอมพิวเตอร์ยุคใด ใช้วงจรไอซี (Integrated Circuit) เป็นหลัก

ก. คอมพิวเตอร์ยุคแรก

ข. คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2

ค. คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3์

ง. ดคอมพิวเตอร์ยุคในยุคปัจจุบัน



4. เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า notebook จัดว่าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทใด

ก. Super Computer

ข. Mainframe Computer ์

ค. Mini Computer

ง. Micro Computer



5. ข้อใด เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลเบื้องต้น

ก. จอภาพ

ข. คีย์บอร์ด

ค. เครื่องพิมพ์

ง. เคส



6. อุปกรณ์ที่ช่วยในการสำรองไฟฟ้าเวลาไฟดับหรือไฟตก เรียกว่าอะไร

ก. Power Supply

ข. Monitor

ค. UPS

ง. Case



7. หน่วยความจำในข้อใด มีความจุมากที่สุด

ก. SDRAM

ข. Hard Disk

ค. CD-ROM Disk

ง. Floppy Disk



8. อุปกรณ์ในข้อใด ถือว่าเป็นอุปกรณ์ต่อพ่วง

ก. เมาส์

ข. คีย์บอร์ด

ค. เครื่องพิมพ์

ง. สายไฟ



9. ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ใช้สั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงาน เรียกว่าอะไร

ก. ซอฟต์แวร์

ข. ฮาร์ดแวร์

ค. พีเพิลแวร์

ง. ระเบียบวิธปฏิบัติ



10. การต่อสัญญาณภาพเข้าจอคอมพิวเตอร์ ต้องต่อกับพอร์ตใด

ก. USB Port

ข. Pararell Port

ค. VGA Port

ง. Serial Port

เฉลย ง,ก,ง,ค.ข,ก,ข,ก,ก,ค

มารู้จักคีย์บอร์ดกันเถอะ

ภายในคีย์บอร์ด




การระบบทำงานภายในคีย์บอร์ดต้องอาศัยความรู้บางประการ เช่น



- ตำแหน่งของปุ่มกดบนคีย์เมทริกซ์

- การเกิดปุ่มค้างและการแก้ไข

- ความเร็วในการส่งผ่านของไทป์เมทิค



คีย์เมทริกซ์ เป็น แผงวงจรที่เล็กๆที่รวมกันเป็นแผงวงจรใหญ่คล้ายกับตะแกรง ซึ่งแต่ละช่องมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม วางอยู่เป็นฐานของปุ่มกด อยู่ภายในคีย์บอร์ดครอบคลุมทุกส่วน ยกเว้น ส่วนเซลล์เก็บไฟฟ้า ปุ่มกดต่างๆจะอยู่บนวงจรเล็กๆแต่ละวงจรที่เจาะจง การกดปุ่มจะเป็นการเชื่อมวงจรภายในวงจรให้ครบวงจร คือ มีกระแสไฟฟ้าหมุนเวียนผ่าน แล้วตัวดำเนินการของคีย์เมทริกซ์จะได้รับสัญญาณที่ส่งมาจากวงจรเล็กๆที่อยู่ภายใต้ปุ่มกดที่ถูกกด เมื่อตัวดำเนินการของคีย์เมทริกซ์พบพิกัดของวงจรที่ส่งสัญญาณ( ปุ่มที่ถูกกด ) มันจะเปรียบเทียบพิกัดวงจรบนคีย์เมทริกซ์กับพิกัดที่แปลเป็นสัญลักษณ์หรือตัวอักษรบนแผนผังของสัญลักษณ์และตัวอักษรของโปรแกรม แผนผังของสัญลักษณ์และตัวอักษรเป็นพื้นฐานในการเปรียบเทียบกับพิกัดบนคีย์เมทริกซ์ โดยมันจะบอกสัญลักษณ์และตัวอักษรจากการเปรียบเทียบตำแหน่งที่เป็นจุดตัดของพิกัด x , y บนคีย์เมทริกซ์ แล้วเปรียบเทียบกับพิกัดของตัวมันเอง ซึ่งก็คือการแปรจากพิกัด x , y คีย์เมทริกซ์ ไปเป็นสัญลักษณ์หรือตัวอักษรที่ตรงกับพิกัด x , y บนแผนผังของสัญลักษณ์และตัวอักษรของโปรแกรมนั้นๆ

ถ้ากดปุ่มมากกว่า 1 ปุ่มในเวลาเดียวกัน ตัวดำเนินการของคีย์เมทริกซ์จะทำการตรวจสอบและพิจารณา โดยถ้าการรวมกันของปุ่มทุกปุ่มที่กดทำให้เกิดสัญลักษณ์ ตัวอักษรหรือคำสั่งใหม่ที่ถูกระบุไว้บนแผนผังของสัญลักษณ์และตัวอักษร ตัวดำเนินการของคีย์เมทริกซ์ก็จะพิจารณาเป็นสัญลักษณ์ ตัวอักษรหรือคำสั่ง อย่างใดอย่างหนึ่งและรวมเป็น 1 สัญญาณ คือ การกดหลายๆปุ่มบนคีย์บอร์ดพร้อมกันตัวดำเนินการของคีย์เมทริกซ์อาจจะพิจารณาเป็น 1 สัญลักษณ์ , 1 ตัวอักษร หรือ 1 คำสั่งได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้


ตัวอย่าง - การกดที่ปุ่ม a บนคีย์บอร์ด ซึ่งผลจากการกดจะได้ตัวอักษร a

- ถ้ากดที่ปุ่ม Shift ค้างไว้และกดที่ปุ่ม a ขณะพิมพ์ ตัว

ดำเนินการของคีย์เมทริกซ์จะเปรียบเทียบการรวมกันจากแผนผังของสัญลักษณ์และตัวอักษร และผลที่ได้จากการพิจารณาการกด คือ A



แผนผังของสัญลักษณ์และตัวอักษรสามารถปรับเปลี่ยนหรือแทนทีได้จากแผนผังของสัญลักษณ์และตัวอักษรอื่นๆ ที่ต่างๆ กัน โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขของคอมพิวเตอร์ เช่น จากการที่ภาษาอื่นๆ มีสัญลักษณ์หรือตัวอักษรต่างจากภาษาอังกฤษ ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนผังของสัญลักษณ์และตัวอักษรเป็นภาษานั้นๆ ซึ่งมันมีประโยชน์มากในการเปลี่ยน - ไปมาระหว่างตัวอักษรและระบบ เช่น จากระบบ QWERTY เป็น DVORAK หรือ

เปลี่ยนเป็นระบบอื่นๆ

คีย์บอร์ดต้องอาศัยการเปิดปิดของสวิทช์ ซึ่งเป็นการเปิด – ปิดการไหลเวียนของประจุไฟฟ้าในวงจรของคีย์บอร์ด เมื่อปุ่มกดถูกกดสวิทช์จะปิดทับกับวงจรทำให้ครบวงจร ซึ่งบางครั้งอาจเกิดการสั่นระหว่างผิวหน้าของสวิทช์กับวงจร อาจจะทำให้เกิดปุ่มค้าง คือการที่ตัวดำเนินการของคีย์เมทริกซ์จำแนกการเปิด – ปิดสวิทช์ไม่ได้ ทำให้ตัวดำเนินการของคีย์เมทริกซ์พิจารณาเป็นการกดซ้ำ อย่างไรก็ตาม มันถูกแก้ไขโดยตัวดำเนินการของคีย์

เมทริกซ์จะพิจารณาคลื่นที่เล็กๆ น้อยๆ เป็นสัญญาณการกด 1 ครั้ง

ถ้ากดที่ปุ่มค้างไว้ ตัวดำเนินการของคีย์เมทริกซ์จะพิจารณาว่า ต้องการพิมพ์สัญลักษณ์หรือตัวอักษรตัวนั้นซ้ำๆ ซึ่งเรียกว่าไทป์เมทิค ในการทำงาน ความหน่วงเวลาระหว่างสัญลักษณ์หรือตัวอักษรแต่ละตัวในระดับปกติ คือการพิมพ์ได้ 30 สัญ ลักษณ์หรือตัวอักษรต่อวินาที


เทคโนโลยีคีย์บอร์ด



คีย์บอร์ดใช้สวิตช์เทคโนโลยีที่หลากหลาย เป็นสิ่งที่น่าสนใจและมีข้อสังเกตุว่าโดยทั่วไปที่ขณะที่เราใช้งานจะมีเสียงตอบสนองให้เรารู้ว่าได้กดปุ่มแล้ว เราต้องการได้ยินเสียง คลิ๊ก ขณะที่เราพิมพ์งานและเราต้องการที่จะรู้สึกว่าสปริงมันดีดกลับขณะที่เรากดมัน

ให้เรามาดูว่าเทคโนโลยีของคีบอร์ดมีดังนี้



• Rubber dome mechanical

• Capacitive non-mechanical

• Metal contact mechanical

• Membrane mechanical

• Foam element mechanical


rubber dome เป็นสวิตช์เทคโนโลยีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดของทุกวันนี้ คีย์บอร์ดเหล่านี้แต่ละอันจะวางอยู่บนปุ่มยางเล็กๆที่ยืดหยุ่นได้ซึ่งตรงกลางของปุ่มยางจะมีก้อนคาร์บอน เมื่อคีย์บอร์ดนี้ถูกกดลงไป ก็จะดันปุ่มยางลงไปซึ่งจะทำให้ก้อนคาร์บอนสัมผัสผิวของแผงวงจรพอดีกับ

ก้อนคาร์บอนที่อยู่ตรงกลางเมื่อเราปล่อยคีย์บอร์ดปุ่มยางก็จะเปลี่ยนกลับไปเป็นรูปเดิมซึ่งจะดันให้คีย์บอร์ดกับมายังตำแหน่งเดิมด้วย

ปุ่มยางสวิตช์ที่ใช้งานนี้ราคาไม่แพงและมีคุณภาพดีตอบสนองต่อการใช้งานและทนทานต่อการหลุดและการสึกกร่อน เพราะว่าปุ่มยางจะอยู่ใต้แป้นคีย์บอร์ด

Membrane switches ทำงานคล้ายกับปุ่มยางของคีย์บอร์ด ตัวปุ่มยางจะต่อกันเป็นแผ่นเดียวกันไม่แยกเป็นชิ้น เราสามารถพบเห็นเมมเบรนสวิตที่ออกแบบใช้ในการอุตสาหกรรมหนักหรือในกรณีที่ต้องการใช้งานที่มีความทนทานเป็นพิเศษ เราจะไม่พบเห็นคีย์บอร์ดที่ใช้เมมเบรนสวิตกับคอมพิวเตอร์ทั่วไปเพราะมันไม่ค่อยตอบสนองต่อการใช้งานเท่าที่ควร และมันใช้งานได้ยาก


Capacitive switches จะไม่ประกอบด้วย mechanical และมันไม่ได้ทำง่าย เหมือนกับวงจร คีบอร์ดเทคโนโลยีอื่นๆ แทนที่จะกระแสจะไหลคงที่ผ่านส่วนต่างๆของ key matrix แต่ละคีจะเป็นสปริงโหลด และจะมีเพลดบางๆอยู่ใต้ ของ Plunger เมื่อเรากดคีย์บอร์ดแผ่นเพลดนี้ก็จะถูกดันเข้าไปใกล้กับอีกแผ่น นึงซึ่งอยู่ด้านล่างเมื่อสองแผ่นเพลดเข้ามาอยู่ใกล้กันจะมีผลให้เกิกระแสไหลผ่าน matrix ณ จุดนั้น หน่วยประมวลผลตรวจพบความเปลี่ยนแปลงและแปลความหมายตามปุ่มกดนั้น Capacitive switch keyboards มีราคาแพง แต่ไม่ต้องกลัวกับการสึกกร่อน และมีอายุใช้งานนานกว่าคีย์บอร์ดแบบอื่นและไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการดีตัวกลับเนื่องจากแผ่นเหล็ก2แผ่นไม่แตะกัน


Metal contact and foam element คีย์บอร์ดชนิดนี้ไม่เหมือนกับสวิตช์โลหะที่สัมผัสแบบธรรมดา แต่มันมีสปริงอยู่ค้างใต้พร้อมปุ่มโลหะด้วยเมื่อเรากดปุ่มคีย์บอร์ดปุ่มโลหะก็จะไปสัมผัสกันสองส่วนของวงจร คือ The foam element switch ซึ่งปกติจะทำด้วยฟองน้ำที่ทำจากโฟมซึ่งอยู่ระหว่าง Plunger และปุ่มโลหะ ซึ่งจะทำให้ตอบสนองความรู้สึกที่จะทำให้ได้ยินเสียง คลิ๊ก ในการผลิตราคาไม่แพงแต่มีปัญหากับการสึกกร่อนเร็วเนื่องจากไม่มีตัวป้องกันปุ่มของเหลวเพราะมันจะสัมผัสกันโดยตรงกับกับ key matrix

คำแนะนำสำหรับการทำงานของคีย์บอร์ด

คำแนะนำสำหรับการทำงานของคีย์บอร์ด



ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์มีความสำคัญในการสื่อสาร ด้วยจากรูปร่างที่ทั่วไป พวกเราจึงคิดว่าไม่สำคัญเท่าไร แต่ความเป็นจริงแล้ว คีย์บอร์ดถือเป็นผลงานที่น่ามหัศจรรย์ของเทคโนโลยีเลยทีเดียว

ด้วยที่มันความสำคัญ คีย์บอร์ดจึงมีสวิทช์ต่างๆที่จะเชื่อมต่อไปยังหน่วยประมวลผล หลังจากประมวลเสร็จแล้วก็จะแสดงผลออกมาทางหน้าจอคอมฯ ที่มีผลตอบสนองกลับมาจากปุ่มต่างๆ

สำหรับการใช้งานคีย์บอร์ด เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับฟังก์ชันต่างๆของปุ่ม และชนิดของคีย์บอร์ดและการส่งข้อมูลทางคีย์บอร์ดไปยังคอมพิวเตอร์

ชนิดของคีย์บอร์ด


คีย์บอร์ดได้รับการพัฒนาน้อยมากตั้งแต่ที่ได้ผลิตออกมา แต่ความจริงเขาพยายามที่จะเพิ่มปุ่มฟังก์ชันต่างๆ ลงบนแป้นคีย์บอร์ดให้มากกว่าเดิม เพื่อความสะดวกในการใช้มากขึ้น

คีย์บอร์ดที่พบเห็นมากก็มี

• 101-key Enhanced keyboard

• 104-key Windows keyboard

• 82-key Apple standardard keyboard

• 108-key Apple Extended keyboard



โดยทั่วไปแล้วคีย์บอร์ดจะมีรูปแบบมาตรฐานอยู่ 4 แบบ คือ

• ปุ่มพิมพ์ดีด

• ปุ่มตัวเลข

• ปุ่มการทำงานต่างๆ

• ปุ่มควบคุม

ปุ่มพิมพ์ดีด


ปุ่มที่อยู่บนแป้นคอมฯก็จะเหมือนกับปุ่มบนแป้นพิมพ์ดีดที่เรารู้จักกัน โดยมาตรฐานแล้วจะมีปุ่มตัวอักษรหกตัวเรียงกันเรียกว่า QWERTY เป็นอักษรหกตัวแรกของแถวบน ซึ่งที่ผู้ผลิตทำมาแบบนี่ก็เพราะ

มนุษย์เราเคยชินกับการใช้พิมพ์ดีดแล้ว จึงออกแบบมาให้เหมือนกับการใช้พิมพ์ดีด โดยกดพิมพ์ตัวอักษรซ้ำๆ

ลงบนกระดาษ



ปุ่มตัวเลข



อันนี้ก็เป็นการพัฒนาส่วนหนึ่งของคีย์บอร์ด เนื่องจากสังคมของเราได้ก้าวหน้าพัฒนามากขึ้น และการจะพิมพ์ตัวเลขจำนวนมากๆจึงทำให้เสียเวลา ดังนั้นผู้ผลิตจึงได้คิดค้นที่จะหาวิธีที่จะส่งข้อมูลไปยังคอมฯให้เร็วขึ้น โดยสร้างปุ่ม 17 ปุ่มเพิ่มมาบนแป้นคีย์บอร์ดทางด้านขวา ซึ่งการใช้งานก็เหมือนกับการใช้เครื่องคิดเลขโดยปุ่มพวกนี้จะมีประโยชน์มากกับเสมียนที่อยู่ธนาคารในการส่งข้อมูลไปทางคอมฯ

ต่อมาปี 1986 IBM ได้เพิ่มปุ่มเข้ามาบนแป้นอีก คือปุ่มการทำงานต่างๆ ปุ่มควบคุมปุ่มการทำงาน นี่ส่วนมากจะอยู่บนแถวบนสุดของคีย์บอร์ด ซึ่งมันจะช่วยในการออกคำสั่งต่างๆได้เร็วขึ้นแทนที่ต้องใช้วิธีเดิมซึ่งขั้นตอนยุ่งยากปุ่มควบคุม ใช้ควบคุมการเปลี่ยนตัวอักษรให้ไปอยู่ในสถานะต่างๆ เช่น

-Home -Alternate (Alt) -Escape (Esc) -End

-Insert -Delete -Page Up -Page Down -Control (Ctrl)

5.8.53

KEYBOARD


Keyboard (คีย์บอร์ด)

   คีย์บอร์ด หรือ แป้นพิมพ์ (ศัพท์บัญญัติใช้ว่า แผงแป้นอักขระ) เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจำเป็นต้องมี เป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการนำข้อมูลลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ ในหน่วยรับข้อมูล หรือ Input Unit โดยปกติมักจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือใกล้เคียง มีแป้นต่างๆ ประมาณร้อยแป้นอยู่บนคีย์บอร์ด (ขึ้นอยู่กับผังแป้นพิมพ์) ซึ่งถอดแบบมาจากเครื่องพิมพ์ดีด ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับรับข้อมูลที่เป็นตัวอักขระ แล้วทำการเปลี่ยนเป็นรหัส 7 หรือ 8 บิต จากนั้นจึงส่งให้คอมพิวเตอร์ประมวลผล หรือใช้ควบคุมฟังก์ชันการทำงานบางอย่างของคอมพิวเตอร์ และเพื่อให้การป้อนข้อมูลที่เป็นอักขระและตัวเลขทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น คีย์บอร์ดจึงแยกแผงที่เป็นแป้นอักขระกับแป้นตัวเลขแยกไว้ต่างหาก


ประวัติ

   คีย์บอร์ดของไมโครคอมพิวเตอร์ตระกูล IBM ในรุ่นแรกๆ ประมาณปี ค.ศ. 1981 จะมีแป้นทั้งหมด 83 แป้น ซึ่งมีชื่อเรียกว่า คีย์บอร์ด PC-X และในปี ค.ศ. 1984 ก็ได้พัฒนาแป้นพิมพ์เพิ่มขึ้นเป็น 84 แป้นพิมพ์มีชื่อเรียกว่า คีย์บอร์ด PC-AT ต่อจากนั้นก็ได้พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ตามความต้องการของผู้ใช้เรียกว่า คีย์บอร์ด AT และพัฒนามาเป็นรุ่น PS/2 โดยมีแป้นพิมพ์เพิ่มขึ้นอีก 17 แป้นพิมพ์รวมแล้วก็เป็น 101 แป้นพิมพ์



การจัดกลุ่มแป้นต่างๆ

แป้นบนแป้นพิมพ์แบ่งออกได้เป็นหลายกลุ่มขึ้นกับการทำงาน
• แป้นตัวพิมพ์ (ตัวเลขและตัวอักษร) แป้นเหล่านี้ประกอบด้วยตัวอักษร ตัวเลข เครื่องหมายวรรคตอน และแป้นสัญลักษณ์ แบบเดียวกับที่พบบนเครื่องพิมพ์ดีดแบบดั้งเดิม


• แป้นควบคุม แป้นควบคุมต่างๆ นี้ใช้เดี่ยวหรือใช้ร่วมกับแป้นอื่นเพื่อทำงานบางอย่าง แป้นควบคุมที่ใช้มากที่สุดคือแป้น CTRL แป้น ALT แป้นโลโก้ Windows และแป้น ESC


• แป้นฟังก์ชัน แป้นฟังก์ชันใช้กับการทำงานเฉพาะอย่าง แป้นทั้งหลายนี้มีชื่อบอกเป็น F1, F2, F3 และต่อไปจนถึง F12 หน้าที่ของแป้นเหล่านี้แตกต่างกันไปในแต่ละโปรแกรม


• แป้นนำทาง แป้นนำทางต่างๆ นี้ใช้สำหรับเคลื่อนย้ายไปทั่วทั้งเอกสารหรือเว็บเพจ และใช้สำหรับแก้ไขข้อความ ประกอบด้วยแป้นลูกศร, HOME, END, PAGE UP, PAGE DOWN, DELETE และ INSERT


• แป้นพิมพ์ตัวเลข แป้นพิมพ์ตัวเลขช่วยให้คุณป้อนตัวเลขได้อย่างรวดเร็ว แป้นเหล่านี้อยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มเหมือนเครื่องคำนวณหรือเครื่องบวกเลขทั่วไป


ภาพต่อไปนี้แสดงวิธีการจัดแป้นตัวพิมพ์บนแป้นพิมพ์ทั่วไป เค้าโครงของแป้นพิมพ์ของคุณอาจแตกต่างกันได้



การพิมพ์ข้อความ
   เมื่อคุณต้องพิมพ์บางสิ่งบางอย่างลงในโปรแกรม ข้อความอีเมล หรือกล่องข้อความ คุณจะเห็นเส้นกระพริบแนวตั้งเส้นหนึ่ง ( ). นั่นคือ เคอร์เซอร์ หรือเรียกได้อีกอย่างว่า จุดแทรก เคอร์เซอร์นี้ใช้บอกตำแหน่งข้อความที่คุณเริ่มพิมพ์ คุณย้ายเคอร์เซอร์ได้โดยการคลิกไปยังตำแหน่งที่ต้องการด้วยการใช้เมาส์ หรือด้วยการใช้แป้นนำทาง (ดูส่วนของ "การใช้แป้นนำทาง" ในบทความนี้)
   นอกเหนือจากตัวอักษร ตัวเลข เครื่องหมายวรรคตอน และสัญลักษณ์ต่างๆ แล้ว แป้นตัวพิมพ์ยังรวมถึงแป้น SHIFT, CAPS LOCK, TAB, ENTER, SPACEBAR และ BACKSPACE

 
ชื่อแป้น วิธีใช้แป้น
SHIFT >> กดแป้น SHIFT พร้อมกับตัวอักษรเพื่อพิมพ์ตัวพิมพ์ใหญ่ กดแป้น SHIFT พร้อมกับแป้นอื่น เพื่อพิมพ์สัญลักษณ์ที่แสดงอยู่ข้างบนของแป้นนั้น


CAPS LOCK >> กดแป้น CAPS LOCK หนึ่งครั้งเพื่อพิมพ์ตัวอักษรทั้งหมดเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ กดแป้น CAPS LOCK >> อีกครั้งเพื่อปิดฟังก์ชั่นนี้ แป้นพิมพ์ของคุณอาจมีไฟแสดงว่า CAPS LOCK เปิดอยู่


TAB >> กดแป้น TAB เพื่อย้ายเคอร์เซอร์ไปข้างหน้าหลายช่องว่าง คุณยังสามารถกดแป้น TAB เพื่อย้ายไปที่กล่องข้อความถัดไปบนฟอร์มได้อีกด้วย


ENTER >> กดแป้น ENTER เพื่อย้ายเคอร์เซอร์ไปที่ต้นบรรทัดถัดไป ใน กล่องโต้ตอบ กดแป้น ENTER เพื่อเลือกปุ่มที่เน้น


SPACEBAR >> กดแป้น SPACEBAR เพื่อเลื่อนเคอร์เซอร์ไปข้างหน้าหนึ่งช่อง


BACKSPACE >> กดแป้น BACKSPACE เพื่อลบอักขระที่อยู่ก่อนหน้าเคอร์เซอร์ หรือลบข้อความที่เลือกไว้


ทางลัดที่เป็นประโยชน์
                                                                                                               แป้นที่กด                          การทำงาน


Windows แป้นโลโก้         เปิดเมนู 'เริ่ม'


ALT+TAB                สลับไปมาระหว่างโปรแกรมหรือหน้าต่างที่เปิดอยู่


ALT+F4                 ปิดรายการที่ใช้งานอยู่ หรือออกจากโปรแกรมที่ใช้งานอยู่
 
CTRL+S                 บันทึกแฟ้มหรือเอกสารที่เปิดอยู่ขณะนั้น (ใช้ได้กับโปรแกรมส่วนใหญ่)


CTRL+C                 คัดลอกรายการที่เลือก


CTRL+X                 ตัดรายการที่เลือก


CTRL+V                 วางรายการที่เลือก


CTRL+Z                 ยกเลิกการกระทำ


CTRL+A                 เลือกรายการทั้งหมดในเอกสารหรือหน้าต่าง


F1                     แสดง 'วิธีใช้' ของโปรแกรมหรือ Windows


Windows แป้นโลโก้ +F1      แสดง 'บริการช่วยเหลือและวิธีใช้' ของ Windows


ESC                    ยกเลิกงานปัจจุบัน


แป้นประยุกต์ใช้              เปิดเมนูคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการเลือกในโปรแกรม เทียบเท่ากับการ
                       เลือกโดยใช้วิธีคลิกขวาบนเมาส์





ทำไม? แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ไม่เรียง A B C

   สำหรับการเรียงอักษรบนแป้นพิมพ์ในปัจจุบันนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการเรียง ที่เรียกว่า QWERTY (คิวเวอร์ตี้) ที่เรียกกันอย่างนี้เพราะเป็นการนำอักษร 6 ตัวแรก(เมื่อนับจากซ้ายมาขวา) ของแป้นพิมพ์ที่เป็นตัวอักษรแถวบนมาต่อกัน และถ้าหากจะถามว่าทำไมถึงต้องเรียงแบบนี้ เราคงต้องย้อนกลับไปในอดีตกันซะหน่อย
   การเรียงลำดับ อักษรของแป้นพิมพ์ในปัจจุบันนั้น มีที่มาจากข้อจำกัดที่เกิดกับเครื่องพิมพ์ดีดในยุคแรกๆ ที่ยังจัดแป้นพิมพ์แบบเรียงตามลำดับตัวอักษรคือ เมื่อคนที่พิมพ์ดีดได้คล่องและเร็วมาพิมพ์จะทำให้ก้านพิมพ์ดีดขัดกันอยู่ เสมอ ต่อมา คริสโตเฟอร์ ลาแธม โชลส์ วิศวกรเครื่องกลชาวสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ดีดสมัยใหม่รายแรกและได้รับสิทธิบัตรในปี 1868 จึงทำการเรียงลำดับตัวอักษรเสียใหม่ด้วยการแยกตัวอักษรที่มักใช้มาผสมเป็นคำ ร่วมกันบ่อยๆ ออกไปอยู่กันคนละฝั่งของแป้นพิมพ์ เพื่อทำให้นักพิมพ์ดีดพิมพ์ได้ช้าลงกว่าเดิม จะได้ไม่เกิดปัญหาก้านพิมพ์ขัดกันอีก
   อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกผู้คนยังคงไม่นิยมเครื่องพิมพ์ดีดของเขามากนัก ทำให้โชลส์ตัดสินใจขายสิทธิบัตรดังกล่าวให้กับทางบริษัท เรมิงตันอาร์มคอมพานี ในปี 1973 ซึ่งปรากฏว่าหลังจากที่ทางเรมิงตันผลิตเครื่องพิมพ์ดีดออกมาจำหน่าย ความนิยมในตัวเครื่องพิมพ์ดีดกลับเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

   ใน เวลาต่อมา ปรากฏว่ามีผู้พยายามจัดเรียงตัวอักษรบนแป้นพิมพ์เป็นแบบต่างๆ ซึ่งแบบที่ได้รับความนิยมมากหน่อยก็อย่างเช่น แบบ DVORAK ซึ่งเคยมีการบอกกล่าวกันว่าการเรียงในรูปแบบนี้จะทำให้พิมพ์เร็วขึ้น จนทางห้างร้านบริษัทหลายแห่งเริ่มนิยมกันอยู่พักหนึ่ง แต่ว่าในปี 1956 ทาง General Services Administration ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่หน่วยงานอื่นๆของรัฐ ได้ทำการศึกษาการจัดแป้นพิมพ์ทั้ง 2 แบบ และก็พบว่า การจัดแบบ QWERTY นั้น ทำให้พิมพ์ได้เร็วเท่ากับหรือมากกว่าแบบ DVORAK ทำให้ความนิยมของการจัดแป้นพิมพ์แบบ DVORAK ลดลงไป

   ทั้ง นี้ หลายคนอาจจะคิดว่า ปัจจุบันเราก็ไม่ได้นิยมใช้พิมพ์ดีดแบบเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นปัญหาเรื่องก้านพิมพ์ขัดกันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาต่อไป แล้วทำไมเราจึงไม่เปลี่ยนกลับไปใช้แป้นพิมพ์แบบเรียงตามตัวอักษรเหมือนก่อน ซึ่งคำตอบสำหรับคำถามนี้หลายคนคงพอเดากันได้ว่าเป็นเพราะ เราคุ้นเคยและเคยชินกับแบบ QWERTY จนไม่อยากจะกลับไปเสียเวลาเริ่มนับหนึ่งกับแบบเดิมเสียแล้ว

 

เคล็ดลับการใช้แป้นพิมพ์อย่างปลอดภัย
การใช้แป้นพิมพ์อย่างถูกต้องเหมาะสมช่วยคุณหลีกเลี่ยงอาการปวดหรือบาดเจ็บที่ข้อมือ มือ และแขนของคุณได้ โดยเฉพาะถ้าคุณใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ เคล็ดลับบางประการต่อไปนี้ช่วยคุณหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ ได้


• วางแป้นพิมพ์ของคุณที่ระดับข้อศอก แขนส่วนบนของคุณควรปล่อยตามสบายที่ข้างลำตัว


• จัดแป้นพิมพ์ของคุณให้อยู่ตรงกลางข้างหน้าคุณ ถ้าแป้นพิมพ์ของคุณมีแป้นพิมพ์ตัวเลขด้วย คุณสามารถใช้แป้นเว้นวรรคให้เป็นจุดศูนย์กลาง


• พิมพ์โดยให้มือและข้อมือของคุณลอยอยู่เหนือแป้นพิมพ์ เพื่อให้คุณเอื้อมส่วนแขนของคุณทั้งหมดไปถึงแป้นที่อยู่ไกลได้แทนการเหยียดนิ้วของคุณ


• หลีกเลี่ยงการพักฝ่ามือหรือข้อมือบนพื้นใดๆ ในขณะพิมพ์ ถ้าแป้นพิมพ์ของคุณมีที่พักฝ่ามือ ให้ใช้ในช่วงที่หยุดพิมพ์แล้วเท่านั้น


• ขณะพิมพ์ ให้แตะเบาๆ และรักษาระดับข้อมือให้ตรง


• เมื่อคุณไม่ได้พิมพ์อยู่ ให้พักแขนและมือของคุณ


• ให้หยุดพักการใช้คอมพิวเตอร์ช่วงสั้นๆ ทุก 15 ถึง 20 นาที

*********************************************